Category Archives: ความรู้

การแก้ปัญหาเล่นเสียง mp3 ผ่านบราวเซอร์ แล้วมีข้อผิดพลาด javascript error 503 (Service Unavailable) on server, Play mp3 error

เขียนโปรแกรม ด้วย Javascript กับคำสั่งเล่นเสียง (Play sound) เพื่อให้เล่นเสียงผ่านบราวเซอร์ (Modern Browser) สามารถทำงานได้ปกติเมื่อทดสอบที่เครื่องตัวเอง (localhost) แต่เมื่อนำไปใช้งานบน web host แล้วเกิดข้อผิดพลาด 503 (Service Unavailable) ทำให้ไม่สามารถเล่นเสียงได้อย่างสมบูรณ์ ลองมาใช้วิธีตามบทความนี้ในการแก้ปัญหาลองดู

วิธีการแก้ไขปัญหา

ทำการแปลงไฟล์ format mp3 เป็น format ogg แล้วใช้งานคู่กันกับ mp3 แล้วใช้คำสั่ง html แทรก tag audio ก่อน ตามตัวอย่างด้านล่าง

ตัวอย่าง tag audio

<audio id="exampleaudio>
	<source src="../sounds/yourmusic.ogg" type="audio/ogg">
	<source src="../sounds/yourmusic.mp3" type="audio/mpeg">
</audio>

แล้วเขียน javascript เพื่อให้เล่นเสียงผ่าน html tag audio

ตัวอย่าง javascript

var sou = document.getElementById("exampleaudio");
sou.play();

เมื่อทดสอบปัญหา 503 (Service Unavailable) หายไป และสามารถเล่นเสียงได้ปกติ

เกม การบวกเลข ออนไลน์ เวอร์ชั่นง่าย ไม่จับเวลา

การบวกจำนวนคืออะไร?

การบวกเป็นวิธีการพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดยเป็นการรวมจำนวนเข้าด้วยกัน เป็นการนับต่อกัน ผลลัพธ์เป็นยอดรวมของตัวเลข

เกมในแบบฝึกนี้เป็นแบบใด

เกมในแบบฝึกนี้เป็นการฝึกการบวกเลข 2 จำนวน ประกอบด้วย เลขหลักหน่วย และเลขหลักสิบ ที่เป็นจำนวนไม่มากเกินไป เหมาะกับผู้เริ่มต้นการฝึก เพราะในเกมนี้ไม่จับเวลาในการคิด สามารถคิดได้นาน ๆ สำหรับน้อง ๆ ที่อยากฝึกการบวกพร้อมมีคนเฉลยให้ว่าถูกต้องหรือผิด ด้วยการสรุปผลยอดรวมการถูกผิด ทันทีที่ตอบ

คำถามจะมีตัวเลือกตอบให้ เป็น 3 ตัวเลือก แต่ละปุ่มมีสีแยกจัดเจน ทำให้มองได้ชัดเจนได้มากขึ้น ตอบเสร็จก็จะเปลี่ยนข้อใหม่ทันที

คำนามในภาษาอังกฤษ (Singular and Plural Nouns)

คำนามในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่มีความสำคัญในประโยคการสนทนา และการเขียน เพราะเป็นกลุ่มคำหลัก ๆ ที่จะใช้ในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการสื่อสารอย่างแท้จริง

คำนามในภาษาอังกฤษ จะเกี่ยวข้องกับการกล่าวถึงจำนวนหนึ่งอย่าง (Singular) หรือ จำนวนที่มากกว่าหนึ่งอย่าง (Plural) เช่น คน (People) สถานที่ (Places) สิ่งของ (Things) หรือ ความคิด (Ideas) เพราะการใช้คำนามต้องเลือกให้ถูกต้องตามลักษณะของประโยคในการสื่อสารด้วย

ในการแปลงลักษณะคำนาม (Nouns) จากจำนวนหนึ่งอย่าง เป็นจำนวนที่มากกว่าหนึ่งอย่างนั้นก็มีกฎเกณฑ์มาตรฐานที่ควรเข้าใจ เพื่อให้การสื่อสารการพูดและการเขียนมีความถูกต้อง เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษมีทักษะที่ดีขึ้นในการเลือกใช้คำนามให้ถูกต้องลักษณะของประโยคที่ต้องการสื่อสาร

การใช้คำนาม

การใช้คำนาม สามารถใช้เป็นประธานของประโยค (Subject) หรือ กรรม (Object) ของประโยคได้

ยกตัวอย่างคำนาม

cat-แมว
book-หนังสือ
house-บ้าน
idea-ความคิด
city-เมือง
person-บุคคล

เป็นต้น

ชนิดของคำนาม

  1. Common Nouns ทั่วไปแล้วจะหมายถึง อะไรทั่วไป เช่น คน (People) สถานที่ (Places) หรือ สิ่งของ (Things)

ตัวอย่าง The city is crowded with people.

  1. Proper Nouns จะหมายถึง การระบุชื่อของ คน สถานที่ หรือ สิ่งของ เป็นคำนามที่เขียนขึ้นต้นคำด้วยตัวอักษรตัวใหญ่

ตัวอย่าง I visited Thailand last winter.

  1. Concrete Nouns เป็นคำนามธรรม เช่น การสัมผัส รสชาติ การได้ยิน หรือ กลิ่น

ตัวอย่าง The lemon tastes sour.

  1. Abstract Nouns เป็นคำนามที่ไม่สามารถรับรู้ ด้วยการ สัมผัส การได้ยิน หรือการได้กลิ่น เหล่านี้จะอยู่ในรูปแบบของแนวความคิด ความรู้สึก หรือ มโนภาพ ความคิดเห็น

ตัวอย่าง Love is beautiful thing.

  1. Collective Nouns คำนามรวม ที่หมายถึงกลุ่มของผู้คน หรือ กลุ่มของสิ่งของ

ตัวอย่าง The team is practicing for the game.

  1. Countable Nouns คำนามนับได้

ตัวอย่าง There are three strawberry on the table.

  1. Uncountable Nouns คำนามนับไม่ได้

ตัวอย่าง I need some advice

คำนามเอกพจน์ หรือจำง่าย ๆ คือคำนามหนึ่งอย่าง (Singular nouns)

คำนามสำหรับบ่งบอกจำนวนเพียงอย่างเดียว เช่น คนเดียว สถานที่เดียว สิ่งเดียว หรือ แนวความคิดเดียว ตรงข้ามกับคำนามพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ หรือ คำนามหนึ่งอย่าง เป็นส่วนประกอบสำคัญของประโยค และใช้ในหลายบริบท ประกอบด้วย การเขียน การพูด และการอ่าน

ตัวอย่างของคำนามเอกพจน์ หรือคำนามจำนวนเดียว
Book,A bound collection of pages
Chair,A piece of furniture for sitting
Dog,A domesticated carnivorous mammal
House,A building for human habitation

จากรูปแบบข้างต้น คำนามสามารถอ้างถึงสิ่งของที่กว้างมากขึ้นจากลักษณะทางกายภาพ เช่น หนังสือ เก้าอี้ สิ่งมีชีวิต เช่น สุนัข และ มนุษย์

สิ่งที่ต้องจำอย่างหนึ่งคือ คำนามบางคำ สามารถเป็นได้ทั้งคำนามจำนวนหนึ่ง หรือ คำนามพหูพจน์ (จำนวนมากกว่าหนึ่ง) ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่น คำว่า “deer” คำนามเอกพจน์ จะหมายถึง สัตว์หนึ่งตัว แต่ ถ้าเป็นคำนามพหูพจน์ ก็หมายถึงสัตว์หลายตัวได้ อีกคำ “sheep” ก็มีความหมายถึงสัตว์หนึ่งตัว หรือ สัตว์หลายตัวได้ เช่นกัน

สรุป คำนามเอกพจน์ หรือคำนามที่มีจำนวนเป็นหนึ่งอย่าง เป็นหัวใจสำคัญในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อให้สามารถเลือกใช้คำได้อย่างถูกต้อง และจะช่วยให้การเขียน การพูด และการอ่าน พัฒนาได้ดีขึ้น

คำนามพนูพจน์ หรือ คำนามที่จำนวนมากกว่าหนึ่ง (Plural nouns)

คำนามพหูพจน์ (จำนวนมากกว่าหนึ่ง) หมายถึง จำนวนบุคคล สถานที่ สิ่งของ และแนวความคิด ที่มากกว่าหนึ่ง คำเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ การแสดงว่าคำนามนั้นมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง จะใช้การเติมต่อท้ายคำนามเอกพจน์ด้วย -s หรือ -es และก็มีกฎอื่น ๆ นอกจาก -s และ -es ด้วย

ตัวอย่างคำนามพหูพจน์
Cat,Cats
Dog,Dogs
Book,Books
Child,Children
Tooth,Teeth
Man,Men
Woman,Women
Foot,Feet
Mouse,Mice

จากข้อความด้านบนจะมีคำนามบางคำที่ต่อท้ายคำนามเอกพจน์ด้วย -s หรือ -es ต่อท้าย และที่สำคัญต้องจำไว้ว่าคำนามพหูพจน์ (จำนวนมากกว่าหนึ่ง) อาจจะมีรูปแบบที่แตกต่างจากนี้ด้วย

คำนามพหูพจน์ (จำนวนมากกว่าหนึ่ง) เป็นคำในประโยคที่มีการใช้งานเยอะ มีความสำคัญทั้งในแง่การเขียนและการสนทนาพูดคุย การใช้คำได้ถูกต้องก็จะช่วยให้การพูดคุยมีความชัดเจนในเนื้อหามากยิ่งขึ้น

สรุป การใช้คำนามในประโยคต้องพิจารณาให้รอบคอบสำหรับการเลือกใช้ การสื่อสารจะได้ตรงวัตถุประสงค์และ การแปลงคำนามเอกพจน์ เป็น พหูพจน์ (จากของที่มีจำนวนอย่างเดียว เป็นสิ่งของที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง) ก็มีเกณฑ์ในการแปลงหลายแบซึ่งต้องจดจำและนำไปใช้งานให้ถูกต้อง

มาดูกฎของการแปลงคำนามเอกพจน์ เป็นคำนามพหูพจน์
แปลงจากคำนามที่มีจำนวนหนึ่ง เป็นคำนามที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง

  1. Regular Plurals
    การแปลงปกติด้วยการเติม s ท้ายคำนามเอกพจน์ เช่น
    Book,Books
    Car,Cars
    Dog,Dogs
    House,Houses
    Chair,Chairs
  2. Irregular Plurals
    กฎข้อนี้จะไม่เติม s ต่อท้ายคำ แต่จะเปลี่ยนรูปคำ เช่น
    Child,Children
    Foot,Feet
    Tooth,Teeth
  3. Plurals of Compound Words
    Compound Words เป็นคำที่สร้างขึ้นมาจากคำมากกว่า 2 คำขึ้นไป
    การแปลงเป็นพหูพจน์ หรือมีจำนวนมากกว่าหนึ่ง นอกจาก การใส่ -s หรือ เปลี่ยนตัวสะกด แล้วยังต้องดูตำแหน่งคำที่เปลี่ยนแปลงด้วย เช่น
    Half-moon,Half-moons
    Mother-in-low,Mothers-in-law
    Passerby,Passersby

สรุป การเปลี่ยนคำเอกพจน์ เป็นพหูพจน์ ในแบบนี้ต้องพิจารณาให้เพราะจะมีความยากเพิ่มมากขึ้น

ข้อยกเว้นในการแปลงคำนามพหูพจน์จากคำนามเอกพจน์
(Exceptions in Plural Formation)

  1. คำนามที่ลงท้ายด้วย -f หรือ -fe ซึ่งปกติต้องเปลี่ยนเป็น -ves แต่มีบางคำที่ยกเว้น เช่น
    roof,roofs
    belief,beliefs
    chief,chiefs
    reef,reefs
  2. คำนามที่ลงท้ายด้วย -o
    ปกติจะต้องต่อท้ายด้วย -es แต่มีบางคำนามที่เติม -s เช่น
    piano,pianos
    photo,photos
    halo,halos
    zero,zeros
  3. คำที่เปลี่ยนรูปคำศัพท์ เช่น
    child,children
    foot,feet
    tooth,teeth
    mouse,mice
  4. คำนามเอกพจน์ และ คำนามพหูพจน์ เป็นคำเดียวกัน เช่น
    deer
    sheep
    fish
    aircraft

ข้อยกเว้นเหล่านี้จะดูสับสนใจตอนแรก แต่มันจะดีขึ้นหลงจากที่ได้ฝึกบ่อย ๆ

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์ และคำนามพหูพจน์ ที่ใช้ในประโยค

ก่อนที่จะนำคำศัพท์มาใช้ในการพูดหรือการแต่งประโยคนั้นจะต้องดูว่าเราต้องการสื่อสารคำนามนั้นในรูปแบบจำนวนหนึ่งอย่าง หรือหลายอย่างเพื่อให้การสื่อสารมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น

เอกพจน์ (Singular): The dog is barking.
พหูพจน์ (Plural) : The dogs are barking.

ในประโยคด้านบน เอกพจน์ (Singular) เป็นการสื่อสารการเห่าของสุนัขตัวเดียว แต่ ประโยคของ พหูพจน์ (Plural) เป็นการสื่อสารว่ามีสุนัขหลายตัวเห่า

นอกจากการเติม -s แล้วยังมีอีกหลายคำศัพท์ที่มีการเติมต่อท้ายคำศัพท์ที่แตกต่ากันออกไป เช่น -es หรือ -ies ดังตัวอย่างข้างล่าง

เอกพจน์ (Singular) : The box is heavy.
พหูพจน์ (Plural) : The boxes are heavy.
เอกพจน์ (Singular) : The baby is sleeping.
พหูพจน์ (Plural) : The babies is sleeping.
เอกพจน์ (Singular) : The city is big.
พหูพจน์ (Plural) : The cities are big.

จะสังเกตเห็นว่า box, baby และ city มีการต่อท้ายศัพท์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งต้องฝึกการใช้คำในประโยคให้ถูกต้อง

อีกหนึ่งความสำคัญ คำนามที่เป็นอกพจน์ และ พหูพจน์ นั้นยังส่งผลต่อคำกิริยาในประโยคเปลี่ยนไปเพื่อให้สอดคล้องกับประธานในประโยคตามจำนวนของประธาน (หนึ่งอย่างหรือหลายอย่าง) เช่น

เอกพจน์ (Singular) : The boy runs fast.
พหูพจน์ (Plural) : The boys run fase.
เอกพจน์ (Singular) : The book is interesting.
พหูพจน์ (Plural) : The books are interesting.

สรุป การเข้าใจลักษณะของคำนามจำนวนอย่างเดียว (Singular) และ คำนามจำนวนหลายสิ่ง (Plural) นั้นส่งผลต่อการสื่อสารในภาษาอังกฤษ การเรียนรู้กฎการใช้งานให้ถูกต้อง ต้องอาศัยการฝึกฝนให้เกิดทักษะและความชำนาญ

การผันอักษร 3 หมู่ อักษรกลาง อักษรสูง อักษรต่ำ โดยการใช้นิ้วมือ

ปัญหา Google Chrome ใช้งานเว็บไซต์ไม่ได้ แสดงข้อความ แย่จัง! มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่แสดงหน้าเว็บนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม เปิดใหม่ แก้ได้ด้วย -no-sandbox

ปัญหา Google Chrome แสดงข้อความ แย่จัง! และไม่สามารถเข้าใช้งานเว็บได้ ทุกเว็บ แม้กระทั้งหน้าการตั้งค่า (Settings) ของตัว Google Chrome เองก็ยังไเข้าไม่ได้ ถอนการติดตั้งแล้ว ติดตั้งใหม่ก็ไม่สามารถเข้าใช้งานได้เหมือนเดิม ตอนนี้ยังหาสาเหตุไม่เจอว่าเกิดจากอะไร แต่ที่แน่ ๆ ไม่สามารถเข้าชมเว็บผ่านโปรแกรมนี้ได้เลย

 

 

วิธีการแก้ไข Google Chrome แสดงข้อความ แย่จัง! มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่แสดงหน้าเว็บนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม เปิดใหม่

มีวิธีการดังนี้

1. คลิกขวาที่ไอคอน (Icon) ของโปรแกรม Google Chrome แล้วเลือกเมนู Properties

2. หน้าต่าง Google Chrome Properties จะแสดงขึ้นมาตามรูป

3. ในช่อง Target ให้ข้อความ -no-sandbox ต่อท้ายข้อความเดิมที่มีอยู่แล้ว ดังภาพ

4. ทำการกดปุ่ม Apply และ OK เพื่อยืนยันการตั้งค่า

5. ทดสอบการเข้าเว็บด้วยโปรแกรมอีกครั้ง ก็จะสามารถเข้าใช้งานได้

ในระหว่างการแสดงผลอาจจะมีข้อความแจ้งเดตือนความไม่ปลอดภัยจากการใช้ออปชั่น -no-sandbox ด้วยความจำเป็นที่ต้องการให้สามารถใช้งานได้ก็คงต้องยอมใช้งานออปชั่นนี้และก็ระวังในการใช้งานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องเราเอง

แก้ปัญหาไวรัส iframe Brenz.pl/rc/ ที่สร้างความวุ่นวายให้กับไฟล์ HTML ด้วยการตัดคำสั่งให้สั้นลง

จากที่เจอปัญหาเครื่องติดไวรัสดังกล่าวแล้ว ไวรัสจะสร้างปัญหาความวุ่นวายด้วยการสร้างคำสั่งของ iframe ดังนี้

<iframe style=”height:1px” src=”http://  www  &#46;   Brenz.pl/rc/” frameborder=0 width=1></iframe>

โดยไฟล์ที่ติดไวรัส iframe Brenz.pl/rc/ นี้จะเป็นไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บ เช่น html, php เป็นต้น และเป็นเฉพาะไฟล์ที่มีส่วนของ แท็ก <body></body> ไวรัสตัวนี้ก็จะสร้างแท็ก iframe ดังกล่าวขึ้นมา ภายในแท็ก <body></body> บริเวณด้านล่างของไฟล์ทันที แม้ไฟล์นั้นจะไม่ถูกเปิดขึ้นมาใช้งาน ซึ่งหากไฟล์ดังกล่าวไม่มี แท็ก <body></body> ปัญหานี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

หลังจากได้พยายามหาวิธีการแก้ไขหลายวิธี ทั้งใช้โปรแกรม malwarebytes หาไวรัส ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ไฟล์ที่มี แท็ก <body></body> ก็ยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม ในเมื่อแก้ไขไม่ได้เราก็ลดคำสั่งของ iframe ลง ด้วยการพิมพ์คำสั่งคอมเม้นท์ครอบข้อความ Brenze ดังตัวอย่างด้านล่าง แต่ให้มีคำว่า Brenze ด้วย

<!–Brenze–>

ถึงแม้จะแก้ปัญหาไม่ได้โดยตรง นี้ก็จะเป็นการลดคำสั่งที่ยาวไม่น่าดูให้สั้นลงมาบ้าง และก็คงต้องหาวิธ๊การแก้ไขต่อไป แต่ตอนนี้ก็ใช้วิธีการนี้แก้ปัญหานี้แบบนี้ไว้ก่อน อย่างน้อย ๆ ก็สบายตาขึ้นเยอะ

การใช้ปุ่มลัด Shift + H ในโปรแกรม illustrator เพื่อปรับมุมมองการหมุนของ Artboard

ถ้าอยากหมุนหน้าจอออกแบบ Artboard เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน สามารถกดปุ่ม Shift + H หรือ เครื่องมือ Rotate view tool (Shift + H)

ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนจากลูกศรตามไอคอนเครื่องเมือ และจะสามารถหมุน Artboard ได้ ดังตัวอย่างภาพด้านล่าง

ปุ่ม Done ที่เมนู Crop Overlay ในโปรแกรม Lightroom หายไป

การซ่อนและแสดงปุ่ม Done ในมุมมอง Develop เพื่อจะตัดครอบ ภาพ (Crop Overlay) หายไป เรียกกลับมาด้วยแป้นคีย์ลัด ดัว T สลับไปมาเพื่อซ่อนและแสดง

แก้ปัญหา XAMPP สตาร์ท MySQL ไม่ได้ Error. MySQL shutdown unexpectedly

จากภาพด้านล้างปัญหาที่ MySQL แสดงปัญหาด้นล่าง

Erro. MySQL shutdown unexpectedly

1.เข้าไปที่ Folder xampp

2.มองหา Folder mysql

3.ทำการเปลี่ยนชื่อ mysql/data เป็น mysql/data_old

4.ทำการคัดลอก Folder mysql/backup แล้ววาง แล้วเปลียนชื่อเป็น mysql/data

5.เอาข้อมูล database จาก mysql/data_old มาไว้ใน mysql/data (ยกเว้น mysql, performance_schema และ phpMyAdmin)

6.คัดลอก mysql/data_old/ibdata1 ไปไว้ใน Folder mysql/data

7.ทำการ Start MySQL ที่ XAMPP Control Panel เพื่อทำงานตามปกติ

การพิมพ์สัญลักษณ์องศา (° ) ในโปรแกรม Microsoft word

สัญลักษณ์องศา หรือสัญลักษณ์วงกลมแบบโปร่ง หรือวงกลมที่มีเส้นรอบวงและพื้นที่ตรงกลางเป็นสีขาว อธิบายแล้วก็งงดี บางครั้งเราก็มีความจำเป็นที่จะใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวในงานเอกสารเพื่อการสื่อความหมาย ที่ให้ผู้อ่านได้เข้าใจความหมายมากยิ่งขึ้นมากกว่าการเขียนคำด้วยตัวอักษร

 

ในโปรแกรม Microsoft word มีตัวเลือกของแทนแก้ไขคำอัตโนมัติที่ช่วยให้เราสามารถพิมพ์สัญลักษณ์ดังกล่าวได้ง่ายขึ้นแทนการค้นหาสัญลักษณ์แล้วแทรกลงไป โดยสามารถพิมพ์คำว่า \degree แล้วเคาะวรรค โปรแกรมก็จะแปลงคำดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์วงกลมให้ทันทีตามภาพด้านหลัง °  นี้

 

ตัวอย่างข้อความ

เราต้องการหมุนข้อความทั้งหมดไปในแนวมุม 270°  เป็นต้น